“DMS คืออะไร” ถ้าอยากขับขี่รถปลอดภัย ต้องรู้จัก!

            รู้หรือไหมว่าในแต่ละปี ประเทศไทยมีอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นมากกว่าที่เห็นข่าวในโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ตอีกนะ

เพราะสถิติล่าสุดจากกระทรวงคมนาคมบอกว่าปี 2563 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากถึง 21,052 ครั้ง และปี 2564 อีกจำนวน 11,138 ครั้งเลย

            ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติบนท้องถนน คือ “ความประมาท” ของผู้ขับขี่หรือคู่กรณี เข่น การขับรถเร็วเกินกำหนด ถูกตัดหน้ารถแบบกระชั้นชิด หลับใน เมา ฝ่าฝืนกฎจราจร ยานพาหนะผิดปกติ แซงรถอย่างผิดกฎหมาย และไม่ชำนาญเส้นทาง

            ดังนั้น เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ที่อาจทำให้เกิดความสูญเสียมากกว่าที่คิด นอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ขับขี่ให้ดีขึ้นแล้ว หลายคนก็ยังเลือกใช้ “DMS” ควบคู่กันไปด้วย

            สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า DMS คืออะไร สำคัญแค่ไหนกับคนมีรถ เราชวนมาทำความรู้จักไปพร้อมกันกับบทความนี้

DMS คืออะไร

            ความจริงแล้ว DMS เป็นตัวย่อของอะไรหลายอย่าง เช่น Distribution Management System (ระบบจัดการการจ่ายไฟฟ้า) Document Management System (ระบบจัดการเอกสารแบบครบวงจร) Department of Medical Services (กรมการแพทย์) เป็นต้น

            แต่ในด้านการขับขี่ DMS คือ “Driver Monitoring System” หรือระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ ที่จะทำให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัย และมั่นใจมากขึ้น

DMS คือตัวช่วยสำคัญของคนมีรถ

            หลักการทำงานของ DMS คือ จะใช้กล้องภายในรถ หรือเซ็นเซอร์ในการช่วยตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ระบบจะทำการแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่รู้ตัว ดังนี้

• แจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่หาว ง่วงนอน อ่อนเพลีย
• แจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่หลับตานานผิดปกติ
• แจ้งเตือนเมื่อสูบบุหรี่ขณะขับรถ
• แจ้งเตือนเมื่อมีการใช้โทรศัพท์ หรือไม่มองเส้นทาง
• แจ้งเตือนเมื่อละสายตาจากกล้อง เช่น หันไปหยิบน้ำหรืออาหาร ไม่อยู่หลังพวงมาลัย เป็นต้น

            นอกจากนี้ DMS ยังช่วยบันทึกภาพ และวีดีโอภายในห้องโดยสาร แล้วส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ พร้อมกับระบุตำแหน่ง, วัน, เวลา, ความเร็ว และประเภทของเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียด เพื่อบันทึกพฤติกรรมผู้ขับขี่ หรือใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันเหตุการณ์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เหนือความคาดหมาย

DMS คือระบบที่ติดตั้งได้ในรถยนต์ทุกคัน

            ถ้าถามว่า DMS ควรติดตั้งในรถยนต์แบบไหนบ้าง คำตอบคือ ติดตั้งได้ในรถยนต์ “ทุกรูปแบบ” ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ รถอเนกประสงค์ส่วนบุคคล ที่เจ้าของต้องการเพิ่มปลอดภัยในการขับขี่ให้ตัวเอง รวมถึงรถกระบะทึบ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการต้องการติดตามพฤติกรรมของพนักงาน หรือเพิ่มความมั่นใจให้ตัวผู้ประกอบการเอง 

เพิ่มความมั่นใจอีกขั้นด้วย ADA

          อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้รัดกุมที่สุด หลายคนมักจะใช้ DMS คู่กับ ADAS (Advanced Driver Assistant Systems) หรือ ระบบผู้ช่วยขับขั้นสูงสุด ที่พร้อมส่งเสียงแจ้งเตือนเหตุการณ์เสี่ยงภายนอกรถ ได้แก่

• ระบบช่วยตรวจสอบระยะห่างจากรถคันหน้า
• แจ้งเตือนก่อนเกิดการชน
• แจ้งเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน หรือออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
• แจ้งเตือนตรวจจับคน ป้องกันการชนคนข้ามถนนในที่มืด

            พูดได้ว่า ADAS และ DMS คือ ตัวช่วยดีๆ ที่เมื่อทำงานด้วยกันแล้ว จะเพิ่มความมั่นใจให้คนใช้รถได้มากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะช่วยควบคุมดูแลปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุได้จากทั้งภายใน และภายนอกรถ